ส่องเทรนด์จัดฟัน 2021 มีเทรนด์ไหนบ้าง รู้ก่อน จัดก่อน สวยก่อน


สวัสดีค่ะ ทุกคน กลับมาพบกับ สุดาพาเปย์ อีกครั้ง

วันนี้เราขอมาเล่าถึงเรื่องของการจัดฟันกันดีกว่า

ปัญหาเรื่องฟันก็อยู่กับคนไทยมานานมาก ส่วนตัวสุดาเองตอนเด็กไม่มีปัญหาเรื่องฟันค่ะ เรียงตัวสวยดี แต่พออายุมากขึ้น โตขึ้น ปัญหาเรื่องฟันก็เกิดคือฟันเก รากฟันลึกลงไปในเหงือกทำให้เหงือกร่น ผิดรูปและฟันไม่เท่ากัน ทำให้เวลายิ้มหรือเวลาพูดคุยขาดความมั่นใจ ยิ่งเวลาเราทำงานถ่ายรูปและวีดีโอจะสังเกตุได้ชัดมากว่าฟันไม่สวย เลยต้องแก้ปัญหาโดยการจัดฟัน

วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปส่องเทรนด์จัดฟัน ในปี 2021 กันค่ะ ว่ามีเทรนด์ไหนบ้าง รู้ก่อน สวยก่อน ตามไปดูกันเลยค่ะ

ปัจจุบันการจัดฟันมีทั้งหมด 4 แบบคือ

1. การจัดฟันติดเครื่องมือ แบบโลหะธรรมดา (Bracket Brace)

2. การจัดฟันติดเครื่องมือ แบบ Damon (Damon System)

3. การจัดแบบใสไม่ติดเครื่องมือถอดได้ (Clear Aligner)

4. การจัดฟันแบบใสด้วยเครื่องมือที่ถอดได้ (Invisalign)

เราจะพาไปดูแบบละเอียดๆว่าแต่ละแบบเหมาะกับใครและมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร ?


1. การจัดฟันติดเครื่องมือ แบบโลหะธรรมดา (Bracket Brace)

หรือเรียกอีกอย่างว่าการจัดฟันแบบยางสี เป็นการจัดฟันแบบโลหะทั่วไป เป็นที่นิยมตามที่เราเคยเห็นน้องๆหนูๆ เด็กนักเรียน วัยรุ่น ฟันเหล็กเด็กแนวจัดฟันกันเลยค่ะ ทันตแพทย์ต้องทำการติดอุปกรณ์ที่เป็นโลหะสีเงิน (Bracket) และในยาง (Oring) ที่ใช้รัดลวดจัดฟันติดกับโลหะ มีหน้าที่ในการดึงฟันเข้าหากัน ทำให้มีสีสันสดใส ราคาไม่สูงมากนัก แต่ต้องมีการนัดพบกับทันตแพทย์ทุกๆเดือนๆละ 1 ครั้ง เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟัน ระยะเวลาในการจัดฟันแบบนี้จะขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละคนค่ะ

ข้อดี : ราคาไม่สูงมาก , สามารถจัดฟันที่มีความซ้อนและเกได้ทุกรูปแบบ เลือกสีสันของยางได้

ข้อเสีย : ต้องมาพบแพทย์ทุกเดือน , มีอาการเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อถึงเวลาดึงฟัน , ดูแลทำรักษาและทำความสะอาดยากมักมีเศษอาหารติดอุปกรณ์จัดฟัน อาจมีปัญหาเรื่องกลิ่นปากและฟันผุ , ควรงดทานอาหารที่มีลักษณะแข็ง เหนียว เคี้ยวยาก เพื่อรักษาอุปกรณ์จัดฟันอยู่ตลอดระยะเวลาการจัดฟัน ต้องเปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟันแบบติดอุปกรณ์ ในบางครั้งอาจจะมีแผลในช่องปากได้ด้วยหลังจากที่นำอุปกรณ์ออกต้องใส่รีเทนเนอร์ต่ออีกประมาณ 1-2 ปีแรก หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งทันตแพทย์ มีโอกาสในการฟันกลับมามีปัญหาเช่นเดิม

ระยะเวลาในการจัดฟัน 1-3 ปีขึ้น หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละบุคคล

ราคาค่าใช้จ่าย เริ่มต้น 30,000 บาท โดยมีการแบ่งจ่ายรายครั้งเมื่อพบทันตแพทย์


2. การจัดฟันติดเครื่องมือ แบบ Damon (Damon System)

เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเจ็บปวดจากการดึงฟัน เป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่เครื่องมือแบบ 
บานพับและลวดชนิดพิเศษ Self-ligating Braces ทำให้การเคลื่อนไหวของฟันทำได้อย่างสมูท 
ไม่ระคายเคืองปากน้อยกว่าแบบแรกเพราะไม่มียางรัดอุปกรณ์นั้นเองค่ะ

ข้อดี : จัดฟันซ้อนเกได้ทุกรูปแบบ ลดอาการระคายเคืองฟัน ระยะเวลาในการจัดฟันน้อยลงกว่าแบบแรก ไม่ต้องไปพบทันตแพทย์ทุกเดือน ทำความสะอาดง่ายกว่าแบบแรก

ข้อเสีย : ราคาแพงขึ้นกว่าแบบแรก , เกิดหินปูนได้ง่าย

ระยะเวลาในการจัดฟัน 2-5 ปี ขึ้นอยู่กันโครงสร้างฟันและปัญหาฟันของแต่ละบุคคล

ราคาค่าใช้จ่าย เริ่มต้น 60,000 บาท

 


3.  การจัดแบบใสไม่ติดเครื่องมือถอดได้ (Clear Aligner) 
การจัดฟันแบบนี้จะเหมาะกับเรื่องแนวฟันไม่เรียงเป็นระเบียบแบบเล็กน้อยหรือคนที่เคยจัดฟันมาแล้วไม่ค่อยได้ใส่รีเทนเนอร์ จัดฟันแบบนี้ค่อนข้างจะมองไม่เห็นว่าจัดฟันเลยค่ะ ช่วยพรางตา 
โดยการใส่อุปกรณ์จัดฟัน ที่ประกอบไปด้วยเซ็ตพลาสติกใสแบบพิเศษ หรือ aligners ครอบได้
พอดีกับตัวฟัน โดยการพิมพ์แบบฟัน โดยตัว aligner ถูกสร้างขึ้นสำหรับคนไข้แต่ละราย ด้วยการออกแบบจากทันตแพทย์เฉพาะทาง (Orthodontics) มีทั้งแบบออกแบบโดยทันตแพทย์ผู้
ชำนาญการ หรือ ทันตแพทย์ออกแบบร่วมกับระบบสแกน 3 มิติ

ข้อดี : มีความสบาย คล่องตัว ในการสวมใส่อุปกรณ์จัดฟันแบบใส ทำความสะอาดง่าย ลดโอกาสฟันผุหรือปัญหาฟันอื่นๆ สามารถถอดออกมาในช่วงรับประทานอาหารและแปรงฟันได้ และยังไม่เห็นอุปกรณ์ขณะที่สวมใส่เหมือนแบบ Invisalign เหมาะมากๆกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาไปพบทันตแพทย์บ่อยๆ  
*แนะนำสำหรับคนที่มีเกณฑ์จัดฟันรอบ 2 ให้เลือกแบบนี้จะเหมาะกว่า*

ข้อเสีย : บางแบรนด์ราคาถูกแต่ผลลัพธ์อาจไม่น่าพึ่งพอใจ บางแบรนด์ราคาเป็นแสนเลย ต้องดูแลรักษาอุปกรณ์ห้ามทำหาย

 




สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้และอยากจัดฟันแบบใส https://www.zenyum.com/th-th 
สุดาอยากจะแนะนำการจัดฟันใสที่คุณภาพดีและราคารับได้ให้ทุกคนรู้จักค่ะนั้นก็คือการจัดฟันใสของ Zenyum แบรนด์จัดฟันใสจากประเทศสิงคโปร์ ที่มีแล้วทั้งหมด 7 ประเทศ อย่างฮองกง สิงคโปร์ ใต้หวัน อินโดนีเชีย ฟิลิปินส์ เวียดนาม และไทย ตอนนี้ทางแบรนด์เคลมว่ามีลูกค้าทั้งหมดมากกว่า 10,000 รายในเวลาสั้นๆ ซึ่งบริษัทนี้เค้ายังเจ๋งตรงที่ติดอันดับ 1 ใน 10 บริษัท Start up ที่มาเเรงที่สุดในปี 2020 ใน LinkedIn ด้วยนะคะ 


เซนยุม เค้าจะเป็นแบรนด์จัดฟันใสผ่านทาง Application ใช้ระยะเวลาในการจัดฟันเพียง 3-9 เดือนเท่านั้น ในระหว่างที่จัดฟันก็จะพบคุณหมอเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น ซึ่งมันดีมากๆสำหรับคนที่ขี้เกียจรอพบหมอที่คลินิกทุกๆเดือน

บางคนอาจจะงงว่าจัดฟันใสผ่านแอพทำยังไง? โดยทาง Zenyum เค้ามีคลินิกที่เป็น Partnership ในพื้นที่ใกล้เคียงลูกค้าทั่วทั้งกรุงเทพ เชียงใหม่และชลบุรี ใครสะดวกที่ไหนก็ไปที่ใกล้ๆได้เลยค่ะ


แล้วที่มันว๊าวที่สุดคือราคาค่ะ จับต้องได้เพียงแค่ 49,000 บาท เท่านั้น 

ซึ่งเค้าใช้อุปกรณ์จัดฟันใสคุณภาะระดับพรีเมี่ยม ผลิตด้วยคุณภาพเกรดทางการแพทย์ (PETG) มาตรฐานระดับสากลจากประเทศเยอรมัน ไม่มีส่วนผสมของ BPA และน้ำยางพารา ราคาเท่ากันไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์



ขั้นตอนการจัดฟันใสผ่านแอพของ Zenyum ก็จะประมาณนี้ค่ะ
  1. ส่งรูปประเมินเบื้องต้นผ่าน https://bit.ly/2RpIFoN
  2. เข้ารับการปรึกษาและเก็บข้อมูลการรักษา (พิมพ์ฟัน x-rays)
  3. รับแผนการรักษาและชำระเงิน (ทำ 3D Scan ประเมินระยะเวลาการจัดฟัน) ค่าใช้จ่าย 49,000 (ยังไม่รวม Vat)
  4. ขั้นตอนใส่อุปกรณ์  (เข้าคลินิกเพื่อทำการกรอฟันและสวมอุปกรณ์) ระหว่างนี้ก็จะมีทีมงานของ Zenyum แนะนำแอปพลิเคชั้นและดูแลอุปกรณ์เบื้องต้น

5.  รับอุปกรณ์และเรียนการใช้งานแอพลิเคชั่น มีทีมงานดูแลตลอดไม่จำเป็นต้องไปรอ   
     ทันตแพทย์ที่คลินิก
6.  หลังจากจัดฟันก็สวมใส่รีเทนเนอร์ต่อ ง่ายและสะดวกมากค่ะ

            ข้อเสีย : ขอบเขตการรักษาอาจไม่เท่าแบรนด์แรกที่ราคาสูง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องลองส่งรูปปัญหา                            ฟันให้คุณหมอดูก่อนว่าเหมาะหรือไม่


สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลและกำลังตัดสินใจลองส่งรูปปัญหาฟันให้คุณหมอดูก่อนง่ายๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่เซนยุมเขาจะโทรแจ้งผลและทำนัดเจ้าคลีนิกค่ะ หรือสนใจแบรนด์อื่นๆก็ลองพิจารณากันดู 

3 Comments